เป็นผู้บริโภคยุคนี้เรียกว่าได้เปรียบมาก จะเลือกซื้อเลือกจ่ายอะไรก็มีให้เลือกละลานตาไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ประกันรถยนต์ที่ต้องต่อกันทุกปี ที่แต่ละบริษัทก็ขนแพคเกจน่าสนใจออกมาเอาใจลูกค้ากันเพียบ แล้วแบบนี้จะใจอ่อนกับที่ไหนดีล่ะ ต้องบอกว่า อย่าเพิ่งซื้อประกันรถยนต์ถ้ายังไม่รู้สิ่งที่กำลังจะได้อ่านต่อไปนี้
ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจมี 4 แบบ
แบบในที่นี้ก็คือชั้นของประกันรถยนต์นั่นเอง ซึ่งแต่ละชั้นจะต่างกันที่ความครอบคลุมในการให้ความคุ้มครอง และเบี้ยประกันด้วย ยิ่งความคุ้มครองน้อยเบี้ยประกันก็ยิ่งถูก และความเสี่ยงก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย เรามาลองดูกันประกันรถยนต์แต่ละแบบให้ความคุ้มครองอย่างไร และเหมาะกับรถแบบไหน
![](https://static.wixstatic.com/media/90c5ad_6f0d0d39a1474d29bd161a3755e41bd7~mv2.png/v1/fill/w_980,h_980,al_c,q_90,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/90c5ad_6f0d0d39a1474d29bd161a3755e41bd7~mv2.png)
ประกันรถยนต์ชั้น 1
เป็นประกันที่เรียกว่าครอบจักรวาล คุ้มครองครบถ้วนที่สุด ทั้ง อุบัติเหตุจากการชนสามารถเกิดได้จากทั้งรถยนต์ชนกันเองหรือจากการเฉี่ยวชนสิ่งอื่นๆทั้งยังสามารถเลือกค่าความเสียหายส่วนแรกแบบ Excess เพื่อลดเบี้ยประกันได้อีกด้วย นอกจากนี้ประกันรถยนต์ชั้น 1 ยังคุ้มครองค่าเสียหายจากภัยธรรมชาติ น้ำท่วม พายุลูกเห็บ ไฟไหม้ แผ่นดินไหว การขโมย รวมถึงการก่อการร้ายด้วย และเพราะความคุ้มครองระดับพรีเมี่ยมนี้เอง ทำให้ประกันชั้น 1 เป็นประกันยอดนิยม เวลาซื้อรถใหม่ก็มักแถมประกันชั้น 1 มาด้วย
![](https://static.wixstatic.com/media/90c5ad_42aeb6f6bbe04c22ac1bf2cb7ccba23c~mv2.png/v1/fill/w_980,h_980,al_c,q_90,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/90c5ad_42aeb6f6bbe04c22ac1bf2cb7ccba23c~mv2.png)
ประกันรถยนต์ชั้น 2+
เป็นรองประกันชั้น 1 ตรงที่ เคลมได้เฉพาะเมื่อเรามีคู่กรณีหรือรู้เลขทะเบียนคู่กรณีเท่านั้น คือคุ้มครองเฉพาะรถชนกับรถนั่นเอง แต่ถ้าโดนชนแล้วหนี แต่ไม่รู้ทะบียนคู่กรณีก็เคลมไม่ได้เหมือนกัน แนะนำว่าปัญหานี้แก้ได้แค่มีกล้องติดรถยนต์เท่านั้นเอง ส่วนความคุ้มครองอื่นๆ เช่น รถหาย รถไฟไหม้ ภัยธรรมชาติ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองเหมือนประกันชั้น 1 ทุกอย่าง เว้นแต่การก่อการร้ายที่ในไทยมีเพียงกรุงเทพประกันภัยให้ความคุ้มครองส่วนนี้
และแม้ความคุ้มครองจะเป็นรองแค่นิดหน่อย แต่เบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 2+ กลับถูกกว่าชั้น 1 เกือบครึ่งเลยทีเดียว ประกันชั้น 2+ จึงเป็นประกันเซลล์นิยม คือเซลล์มักจะแนะนำประกันชั้นนี้ เพราะนอกจากจะเบี้ยไม่แพงแล้ว ยังเหมาะกับรถที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไปที่เจ้าของรถมีความชำนาญในการขับมากขึ้น เบี้ยประกันไม่แพงเท่าชั้น 1 ติดกล้องติดรถยนต์เพื่อเป็นหลักฐานในการแจ้งเคลมแล้ว ขับรถในเส้นทางไม่ไกลมากหรือไม่ได้ใช้รถเป็นประจำทุกวัน
![](https://static.wixstatic.com/media/90c5ad_8fbdcae431ca4594b752d93b7a41d8bb~mv2.png/v1/fill/w_980,h_980,al_c,q_90,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/90c5ad_8fbdcae431ca4594b752d93b7a41d8bb~mv2.png)
ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เป็นประกันรถยนต์ที่เพิ่มความคุ้มครองจากชั้น 3 ขึ้นมาอีกนิดให้
เคลมได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนแบบมีคู่กรณี (รถชนรถ) บริษัทประกันจะดูแลทั้งรถของเราและคู่กรณี และเช่นเดียวกับประกันชั้น 2+ ต้องพิสูจน์ได้ว่าคู่กรณีเป็นใคร ดังนั้นสำหรับประกันชั้นนี้ กล้องติดรถยนต์ก็เป็นเพื่อนแท้รถคุณอีกเช่นเคย ส่วนกรณอื่นๆ รถหาย ไฟไหม้ ภัยธรรมชาติ ต้องดูแลตัวเองไปก่อน
ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ราคาเบาหวิว ส่วนใหญ่ไม่เกิน 5,000 บาท เหมาะกับรถที่ใช้งานน้อย หรือขับเฉพาะทางที่คุ้นเคย ส่วนมากเป็นรถที่มีอายุเยอะ คนขับขับเก่งแล้ว ถ้าบังเอิญขับไปชนอย่างอื่นนอกจากรถก็ซ่อมอู่แถวบ้านเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายไป
![](https://static.wixstatic.com/media/90c5ad_7a50811ffd0040dea236fbab49fede7e~mv2.png/v1/fill/w_980,h_980,al_c,q_90,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/90c5ad_7a50811ffd0040dea236fbab49fede7e~mv2.png)
ประกันรถยนต์ชั้น 3
ส่วนประกันชั้น 3 เป็นประกันรถยนต์ที่ คุ้มครองรถของคู่กรณีเท่านั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุจาการชน นั่นหมายความว่าถ้าเราขับรถไปชนคนอื่นเราต้องซ่อมรถตัวเอง แต่ต้องสามารถบอกเลขทะเบียนของคู่กรณีได้ด้วยจึงสมควรต้องมีกล้องติดรถยนต์เป็นอย่างยิ่ง และนอกจากซ่อมคนอื่นอย่างเดียวแล้ว ประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็เป็นประกันที่ไม่มีอะไรให้อีกเลย ดังนั้นราคาเบี้ยประกันก็น้อยสมความคุ้มครอง
Comments