วิธีเคลมประกันรถกระบะหลังถูกน้ำท่วมหนัก ทำอย่างไร?
ฝนตกน้ำท่วมถือเป็นปัญหาที่คนไทยทุกคนต่างต้องประสบพบเจออย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือความเสี่ยงที่อาจเกิดซึ่งสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือน และข้าวของเครื่องใช้เป็นอย่างมาก รวมไปถึงรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายแสนสาหัสเช่นกัน
เหตุการณ์ไม่คาดฝันมักเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ยิ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับอุทกภัยทางธรรมชาติด้วยและไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการป้องกัน รวมถึงวิธีการบำรุงรักษา เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาในทุกสถานการณ์ spbroker มีข้อมูลเกี่ยวกับการรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมรถมาบอก ดังนี้
![](https://static.wixstatic.com/media/90c5ad_c063e56cb8ac45258617e7601b15c029~mv2.png/v1/fill/w_980,h_980,al_c,q_90,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/90c5ad_c063e56cb8ac45258617e7601b15c029~mv2.png)
โทรแจ้งประกัน
ลำดับแรกที่ควรทำคือโทรหาบริษัทประกันเพื่อตรวจเช็คกรมธรรม์ที่ทำไว้ ว่าให้ความคุ้มครองในกรณีที่เกิดภัยพิบัติจากธรรมชาติหรือไม่ ซึ่งหากให้การคุ้มครองก็สามารถแจ้งเคลมประกันได้
ห้ามต่อขั้วแบตรถยนต์เด็ดขาด
หากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมรถ อีกสิ่งหนึ่งที่ควรทำคือการถอดขั้วแบตออกให้หมด และห้ามต่อขั้วแบตรถยนต์เป็นอันขาด เนื่องจากการที่น้ำท่วมรถอาจทำให้ระบบไฟฟ้าลัดวงจร
ล้างรถให้สะอาด
เมื่อน้ำลดลงให้รีบทำความสะอาดรถยนต์เป็นการด่วน รวมถึงถอดเบาะรถออกมาเช็ด จากนั้นเปิดประตูทุกบานทิ้งไว้เพื่อผึ่งให้แห้ง หรือจอดตากแดด แต่หากต้องการความสะอาดให้หมดจด โดยไม่มีล่องลอยของคราบสกปรก SP BROKER ขอแนะนำให้เอารถเข้าคาร์แคร์จะเป็นการดีที่สุดครับ
นำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็คให้ละเอียด
เพื่อความสบายใจของเจ้าของรถ หลังจากที่น้ำลดลงแนะนำให้รีบเอารถเข้าศูนย์ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจเช็คอย่างละเอียด พร้อมทั้งประเมินอาการว่าได้รับความเสียหายมากน้อยแค่ไหน ที่สำคัญคือควรเปลี่ยนของเหลวภายในเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด
![](https://static.wixstatic.com/media/90c5ad_076c39dec76740e29ba93a11aea1dbb5~mv2.jpg/v1/fill/w_776,h_432,al_c,q_80,enc_auto/90c5ad_076c39dec76740e29ba93a11aea1dbb5~mv2.jpg)
สำหรับผู้ที่ขับรถกระบะแล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตื่นเช้าขึ้นมาก็พบว่ารถยนต์แสนรักถูกน้ำท่วมมิดคัน! อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป โดยขั้นแรกแนะนำให้ตรวจเช็คกรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่ทำไว้ ซึ่งประกันที่ให้ความคุ้มครองในกรณีที่น้ำท่วมรถคือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
ส่วนประกันชั้น 2+ กับ 3+ ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ว่ามีการระบุเกี่ยวกับการคุ้มครองค่าความเสียหายในกรณีที่น้ำท่วมรถหรือไม่ ...
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าภัยพิบัติจากธรรมชาติเป็นสิ่งที่คาดเดาได้อยาก เพราะฉะนั้นควรเตรียมพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์ รวมถึงศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ ขั้นตอนขอเคลมประกันรถยนต์ในกรณีที่น้ำท่วมรถ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ถ่ายรูปรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม โดยต้องถ่ายให้เห็นเลขทะเบียน เพื่อเป็นหลักฐานว่าคือรถคันเดียวกันกับที่เอาประกัน
ถ่ายรูปความเสียหายภายในรถ รวมถึงทำการบันทึกภาพเพื่อจะได้เห็นเวลา และสถานที่ที่เกิดเหตุน้ำท่วม
ตรวจสอบกรมธรรม์ รวมทำความเข้าใจกับเงื่อนไขต่างๆ ที่จะได้รับ
แจ้งทำเคลมทางโทรศัพท์กับบริษัทประกันภัย
ทำการนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ประกัน เพื่อตรวจสอบความเสียของรถยนต์ และเตรียมส่งซ่อม
หากรถยนต์ไม่สามารถวิ่งได้ สามารถขอให้ทางบริษัทประกันส่งรถมาลากไปได้ ซึ่งทางบริษัทประกันจะรับผิดชอบค่ารถยกลากไม่เกิน 20% ของค่าซ่อม
เมื่อนำรถเข้าอู่เป็นที่เรียบร้อย ให้เก็บใบรับรถเอาไว้ รวมถึงหมั่นไปตรวจสอบสภาพรถ เผื่อหากเกิดกรณีที่อู่ซ่อมรถล่าช้า หรือบริษัทประกันประวิงเวลาโดยไม่มีเหตุผลอันควร สามารถเรียกร้องค่าขาดการใช้รถได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ในกรณีที่เกิดน้ำท่วมรถ แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
การสูญเสียโดยสิ้นเชิง
เป็นกรณีที่น้ำท่วมรถมิดคัน พร้อมทั้งสร้างความเสียหายแก่ภายตัวรถทั้งภายใน และภายนอก รวมถึงเครื่องยนต์ ทางบริษัทจะประเมินว่าไม่คุ้มที่จะซ่อมให้รถยนต์กลับมาใช้งานได้ดีดังเดิม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บริษัทประกันยังคงต้องจ่ายเงินให้ตามทุนประกันที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ 100%
ความเสียหายบางส่วน
ในกรณีที่เกิดเหตุน้ำท่วมรถแต่ไม่หนักมาก โดยยังสามารถซ่อมรถให้มาใช้งานได้ดีดังเดิม ทางบริษัทประกันจะตีให้เป็นค่าความเสียหายบางส่วน ซึ่งค่าซ่อมแซมทั้งหมดทางบริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องไม่เกินจำนวนทุนประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และหากมีค่าใช้จ่ายการซ่อมแซมที่เกินทุนประกัน ผู้เอาประกันต้องเป็นฝ่ายออกเอง
Comentarii